Midlife ชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก “ทั้งรัก ทั้งฝัน ทั้งเงิน ทั้งงาน” ภูมิจิต กลับมาอีกครั้งและตั้งคำถามกับเราอย่างน่าสนใจ ถึงชีวิตที่เราเป็นอยู่ หลังจากฉายภาพการเดินทาง ทำงานและความฝันในเพลงแรกอย่าง ชีพจร กลับมาเพลงนี้มันยิ่งทำให้เราถึงขั้นทบทวนกับชีวิตที่ผ่านมา เป็นอยู่ และชีวิตที่เหลือ อย่างอัดอั้น
ทั้งรัก…
“งานกับเงิน ถ้าไม่มีโอทีก็ไม่มีเงินไปหาเธอ”
การทำงานไปเรื่อยๆ ชีวิตมันคงไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก จนวันที่เราตัดสินใจว่า “เราอยาก แต่งงานกับเธอนะ” วันนั้นหละทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เงินเดือนที่ได้ งานที่ทำมันก็ไม่ได้สอดรับกับวิธีคิด กับการอยากใช้ชีวิต แล้วเราจะทำยังไงภายใต้แรงกดดันนี้ ออกจากงานมาแลกกับความฝันราคาสูงมันจะคุ้มค่ามั้ย แต่ถ้าทนทำงานต่อไปก็ไม่มีทางที่ฝันจะเป็นจริง แน่นอนว่าเราต้องเจอความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
อย่างในเพจของ ภูมิจิต ได้กล่าว “ในวัยรุ่น เราสามารถเลือกทำอะไรสักอย่างโดยทิ้งทุกอย่างไว้ เพื่อพุ่งไปสู่จุดหมายได้ แต่โลกของ Midlife มันซับซ้อนกว่านั้น มันมีผู้คนมาเกี่ยวข้องมากขึ้น มีชีวิตที่เราต้องดูแลมากขึ้น ความฝันราคาก็แพงขึ้นทุกวัน”
เราชอบเรื่องรถหนึ่งคันที่เหมือนชีวิตคนหนึ่งคน ที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นตัวเอง คนรัก ความฝัน ครอบครัว และการงาน ความรับผิดชอบของคนหนึ่ง คนที่พยามจะแบ่งส่วนสำคัญต่างๆ ความฝันราคาแพงที่ต้องทิ้งเพื่อมาทำงาน ด้วยรอบคิดที่หรือสิ่งที่เรียกว่ามั่นคง แต่ท้ายที่สุดแล้วความมั่นคงก็ไม่ได้มีจริง และเวลาของชีวิตก็มีจำกัด แต่เรากลับให้ชีวิตไปเพื่อแลกมาซึ่งสิ่งนั้น
หลังเพลงจบลง เรากลับมาคิดว่าเราทำอะไรอยู่ นี่เราใกล้จะ 30 แล้วเกือบสิบปีของการทำงานที่ผ่านมาเราทำอะไรกับชีวิต แล้วมันจะพาเราไปสู่จุดไหน ในเมื่อการทำงานทุกวันนี้คือ การขายเวลาของชีวิตเพื่อเงิน เพื่อเราจะได้เงินไปซื้อเวลาของชีวิต จากวันหยุดอันแสนสั้นกลับมา นี่ใช่ชีวิตที่เราอยากได้จริงๆเหรอ
นี่เป็นชีวิตที่เราต้องการจริง ๆ เหรอ การทำงานหนักขายวิญาณาณ ตื่นเช้าออกจากบ้านฝ่ารถติดมา ทำงาน งานที่เราอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม แต่ถ้าเราไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นเนื้อเดียวกับงาน ดูเหมือนจะเป็นงานที่กัดกินเวลาชีวิต และพลังใจโดยเสียเปล่า
แล้วเรากลัวอะไรกันอยู่ เราถึงยังใช้ชีวิตของเราให้เสียไปกับสิ่งเหล่านั้น และทิ้งครอบครัวและคนรักไว้เบื้องหลังในเวลาอันจำกัดของชีวิต .. หรืออาจเพราะเราไม่ได้คิดถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เราเลยไม้ได้ตระหนักถึงเวลาอันแสนสั้นของชีวิต แต่ถึงท้ายที่สุดแล้วการเลือกมาใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากเป็น ถึงมันจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่นั่นก็คือชีวิตที่เราเลือกเอง
ขอบคุณที่ใส่ใจฟังเพลงเราถึงขนาดนี้เลยนะครับ
ขอบคุณมาก
ขอบคุณพี่พุติ ที่ให้เกียรติมาอ่านนะครับ
คือเขียนดีมากๆอ่ะครับ แบบแทนใจของใครหลายๆคน
ผมอินมากๆเลยครับ
ขอบคุณมากๆเลยครับที่รู้สึกไปด้วยกัน
ขอบคุณมากเลยครับ เราเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน