มันจะเป็นไปได้จริงๆไหม ที่เราจะย้อนเวลากลับไปหารสชาติอาหารที่ถูกลืม หรือกลับไปหารสชาติที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีต วันนี้เราได้รับเชิญจากห้องอาหารมาศรี Massri Thai Restaurant เพื่อกลับมาลิ้มรสอาหารไทยในยุค 60 ยุคที่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมการค้าระหว่างภูเก็ต และคาบสมุทรมาลายู โดยเป็นการพัฒนาจากอาหารร้านดังที่ได้มิชลิน อย่างร้าน The Charm Dining Gallery ในรูปแบบของอาหารไทยมากขึ้น
ก่อนเข้าเริ่มสู่การทานอาหาร เราประทับใจกับการตกแต่ง พร้อมจะพาเราเดินทางสู่วันเวลาเก่าๆ ด้วยอาคารเก่าห้องทรงสูง ตกแต่งด้วยช่องลมรังผึ้งที่รับอิทธิพลศิลปะในยุค Cubism เฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัย แต่ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยโครงสร้างของไม้ และเก้าอี้ที่มีส่วนหุ้มด้วยผ้าสมัยใหม่เพื่อทำให้การนั่งทานสบายขึ้น หรือจะเป็นเก้าอี้ไม้ทรงสวยที่ดูดี กับมุมการทานที่หลากหลาย ด้านในร้านใช้ต้นไม้จริงประดับประดาเพื่อเรียกความสดชื่นให้เรากับเราด้วยมุมสีเขียวภายในร้าน
ตู้ใส่ภาชนะเรียกความสนใจให้เราเดินไปชมใกล้ๆ ด้วยความแปลกตาของภาชนะที่เราไม่คุ้นเคย แต่นี่กลับเป็นการสื่อสารและบอกเราเรื่องราวถึงความรุ่มรวยในอดีตของคนภูเก็ต เหลือบไปเห็นเครื่องดื่มที่วางเรียงรายก็อดไม่ได้ที่เราจะสั่งเครื่องดื่มสูตรพิเศษจากที่นี่
และแล้วเราต้องประหลาดใจกับเครื่องดื่มแก้วนี้ “แกงส้ม” ด้วยสีสันเหลืองทอง และความหอมสับปะรดที่ยากจะอดใจไหว จิบแรกที่เรารู้สึกได้คือนี่คือเครื่องดื่มที่ให้ความเป็นไทยใต้อย่างลุ่มลึกด้วยเครื่องแกงส้ม ที่มีทั้งความหอมจากผิวมะกรูด ตะไคร้ รสชาติเผ็ดร้อนบางๆจากเครื่องเทศ และตัดรสด้วยความเปรี้ยวอ่อนๆ ที่เรียกน้ำย่อยได้ดีอย่างเหลือเชื่อ
และแล้วก็ถึงเวลาทานอาหาร เรารับรู้ได้ถึงความตั้งใจของการนำเสนอด้วยสุนทรียภาพของอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล การเตรียมวัตถุดิบวันต่อวัน รวมไปถึงการปรุงใหม่ทุกจานที่ถูกเสิร์ฟให้เราอย่างต่อเนื่อง การทานอาหารมื้อนี้จึงเป็นความรื่นรมย์ที่เราไม่อยากให้คุณพลาดชิม
“ปลาเต้าอิ๋ว” ปลามงจากเกาะภูเก็ตทอดกรอบด้วยความร้อนกำลังดี กับน้ำราดเต้าอิ๋วให้รสชาติที่ซับซ้อนด้วยรสหวานนำจากซอสราด เป็นการนำเข้าจากประเทศมาเลเซียซึ่งได้รับความนิยมมาตั้งแต่ 60 ปีที่แล้วจนมาถึงปัจจุบัน เนื้อปลาชิ้นใหญ่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นกระเทียมเจียวบางๆ และยังช่วยเพิ่มสัมผัสในการทานอีกด้วย
เต้าอิ๋วภาษาพื้นเมืองภูเก็ต แปลว่าซีอิ๋วดำชนิดหวาน เป็นอาหารที่รับอิทธิพลจากคาบมุทรมาลายูสู่เกาะภูเก็ตผ่านการค้าในยุคก่อน นี่จึงเป็นจานที่เปิดประสบการณ์ของรสชาติที่พาเราย้อนกลับไปในวันวานได้อย่างน่าสนใจ
จานโปรดของเราและทุกคนอีกจานคือ “กุ้งอัสสัม” เนื้อกุ้งแชบ๊วยคัดเกรดพิเศษ ให้ความกรอบ แน่นหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของกุ้งขนิดนี้ส่งตรงจากกระชังของคนในท้องถิ่น ถูกปรุงด้วยความชำนาญในการเคี่ยวน้ำราดสูตรพิเศษ มีทั้งหอมแดงและหอมเจียว น้ำซอสให้รสเปี้ยวหวานอย่างลงตัว อาหารจานนี้มักมีในแถบ ภูเก็ต พังงา ตรัง เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นจานที่ทานได้เฉพาะเมืองท่า เมืองการค้าในอดีตเท่านั้น
อัสสัม เป็นภาษามาเลเซียแปลว่า มะขาม
“แกงหมูสับปะรด” จากการเดินทางเพื่อคัดเลือกวัตถุดิบทางร้านเลือกนำเสนอสับปะรดภูเก็ต จากแหล่งปลูกเฉพาะในท้องถิ่น ซึ่งมีความแตกต่างทางรสชาติอย่างเห็นได้ชัด ความกลมกล่อมของรสเปรี้ยวหวาน กลิ่นหอมเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ผสานกับความหอมของใบมะกรูด ช่วยชูรสชาติอาหารจานนี้ได้อย่างน่าสนใจ เพราะเมื่อเราทานคู่กับหมูสามชั้น ในจานนี้ให้รสสัมผัสที่หลากหลายยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังมี “ลูกอ๋วน” ลูกชิ้นปลาภูเก็ตของขึ้นชื่อมาเพื่อความสนุกในการทาน จนเราต้องขอข้าวเพิ่มอีกจาน
อีกจานที่พลาดไม่ได้คือ “หมูฮ๋องสูตรบ้านเลขที่ 93” สูตรลับของอาหารขึ้นชื่อที่ถูกส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น และยังคงรักษาวิธีการปรุง วัตถุดิบที่สำคัญไว้อย่างตรงไปตรงมา
ซึ่งหลังจากการทานมื้อนี้ เราได้มีโอกาสเข้าไปดูวิธีการปรุงภายในครัว เผยให้เราเห็นว่าที่ร้านใช้วิธีการแบบดั้งเดิมคือ การตำเครื่องแกงที่ใช้ในร้าน และการปรุงเป็นแบบโบราณรวมถึงการใช้เตาถ่านในการปรุง โดยการตุ๋นนานกว่า 3 ชั่วโมงรวมถึงการหมักข้ามวันกับเครื่องเทศและซอสปรุงอันเป็นความลับที่ถูกส่งต่อเฉพาะคนในตระกูลเท่านั้น อีกการการควบคุมที่น่าทึ่งเพื่อดึงรสชาติให้เข้มข้น คือการควบคุมอุณหภูมิจากเตาถ่านในการตุ๋นได้อย่างเหลือเชื่อ
ออกจากครัวมาเราก็ทานของหวานหน้าตาดีอย่าง ครัมเบิ้ลขนมหน้าแตกกับพูเร่สับปะรด กับไอศครีมมะพร้าว ด้วยความลงตัวของวัตถุดิบที่สค้างความหลากหลายในการทานอย่างไอศกรีมกระทิที่ให้ความหอม เมื่อทานคู่กับ หนมหน้าแตกซึ่งเป็นขนมพื้นเมืองภูเก็ต (คุ้กกี้ภูเก็ต) ที่บดคั่วกับเนย ให้ความหวานหอมละมุมลิ้น เพิ่มความหวานธรรมชาติแบบนัตตี้คาราเมล จากน้ำตาลมะพร้าวกวนใส่ถั่ว และเพิ่มมิติด้วยความเปรี้ยวของสับปะรดภูเก็ตพูเร่ ถือว่าเป็นการปิดท้ายได้อย่างสวยงามสำหรับมื้อนี้
Massri Thai Restaurant เป็นอีกร้านที่เราอยากแนะนำสำหรับนักเดินทาง ผู้อยากแสวงหารสชาติดั้งเดิม และผจญภัยไปกับวัตถุดิบท้องถิ่นที่ถูกหยิบยกมานำเสนออย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ห้องอาหารมาศศรียังอยู่บนถนนดีบุก ใจกลางเมืองภูเก็ตจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินทาง และพาคนในครอบครัว หรือคนรักมาสร้างความทรงจำดีๆ ไปด้วยกันแบบ Family dining
หากนอกเหนือจากการทานอาหารพื้นเมืองภูเก็ตแล้ว Massri Thai Restaurant ถือได้ว่าเป็นร้านอาหารของคนภูเก็ต ที่นำเสนอความภูมิใจของท้องถิ่น ผ่านวัฒนธรรมอาหารอย่างน่าสนใจ
Facebook : Massri Thai Restaurant
http://www.thediningcollection.com/
โทรจอง : 094 262 6194