Mercedes-Benz Magazine Walk Of The King

19 สิงหาคม 2489 รถพระที่นั่งค่อยๆเคลื่อนผ่านวัดเบญจมบพิต ไปสู่สนามบินดอนเมือง มีเหตุการณ์เล็กๆที่เกิดขึ้นอย่างฉับไว ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับรถเพื่อไปสนามบินดอนเมืองในการศึกษาต่อยังสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นให้หลังหนึ่งปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์ เรื่อง เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสวิตเซอร์แลนด์ พระราชทานแก่หนังสือ วงวรรณคดี ในเดือนสิงหาคม ปี 2490

ความว่า ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆว่า “อย่าละทิ้งประชาชน” อยากจะร้องบอกเขาไปว่า หากประชนชนไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะ “ละทิ้ง” อย่างไรได้ 

นี่คือสิ่งที่ปรากฏในหนังสือ วงวรรณคดี วันนี้ผ่านไปกว่า 70 ปี ถึงแม้ผมจะประจักษ์แก่ใจดีว่าในหลวงทรงงานหนักแค่ไหนเพื่อประชาชนชาวไทย แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่เคยถูกนำเสนอสู่สายตาสาธารณะชนมากนักเกี่ยวกับ “พ่อหลวงและแม่หลวงของชาวดอย(ชนพื้นเมือง)” เรื่องราวของพระเจ้าแผ่นดินที่มีแต่ชนพื้เมืองเท่านั้นที่รับรู้ 

การเดินทางครั้งนี้เสมือนการต่อจิ๊กซอร์การรับรู้เกี่ยวกับพ่อลวง ชายที่เดินทางมายังพื้นที่ดงดอยด้วยพระบาทเป็นเวลากว่า 1 วัน บุญสม แก่นเจิง ชาวเขาเผ่าลั๊วะ บ้านดง อ.แม่ลาน้อยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เล่าว่าไม่มีใครกล้าคุยกับท่าน เพราะไม่รู้ว่าจะพูดกับเพราะเจ้าแผ่นดินอย่างไร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวล(ยิ้ม) และตรัสว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว” พร้อมเอามือลูบที่หัวแล้วทรงตรัสว่า “เรียกเราว่าพ่อหลวง แม่หลวงแล้วกัน “

พร้อมประคองให้พ่อหลวงบุญโสมยืนขึ้น เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเป็มุนษย์ที่ท่านมองชนพื้นเมืองอย่างเข้าใจและไม่แบ่งแยก 

การสนทนาเริ่มต้นขึ้นอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป ความจริงเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากคำบอกเล่าค่อยๆ เติมเต็มส่วนที่ขาดหายที่เราไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับพระองค์ค่อยๆชัดชึ้น “เมื่อก่อนเราเป็นคนป่า เดี๋ยวนี้เราเป็นคนแล้ว เรามีกินมีใช้ เรามีเหลือกินเราก็ขาย “ และในใจความหนึ่งที่เป็นภาษาถิ่นที่เราจับใจความได้คือ “ทุกวันนี้เรารวยแล้ว เรารวยเพราะมีกิน ”  สิ่งที่ผมรับรู้ได้จากการเดินทางในทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคยเดินเท้าเพื่อเข้ามาดูพื้นที่ พัฒนาที่นี่ทั้งในส่วนของโครงการหลวง และการพัฒนาฟื้นฟูป่าที่ถูกทำลาย ทางที่พระองค์เคยเดิน ตลอดทางชาวบ้านที่นำทางบอกว่า “เดินมาๆตามทางในหลวง” เสียงหอบของพี่มะลิวัลย์ปรากฏเป็นระยะด้วยวัยที่มากขึ้นและทางที่สูงชันเลียบไหล่เขา ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าที่เราเดินเพื่อมาศึกษาว่าในหลวงมาทำอะไรที่ไหน 

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังไม่ไปไหน ท่านไม่ได้จากเราไปไหนเลย ท่านปรากฏชัดในความทรงจำของผู้คนที่นี่ ในหุบเขาที่ห่างไกล ท่านอยู่ในทุ่งนา แปลงผัก ภูเขา ไร่กาแฟ ท่านอยู่ในทุกๆที่ ทุกที่มีเรื่องเล่าของท่าน พ่อหลวงบุญสม แก่นเจิง พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “คิดถึงแกนะ” เราสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้นท่านไม่ได้หายไปไหนเลย ท่านอยู่กับผู้คนเสมือเหมือนอากาศที่เราหายใจหล่อเลี้ยงชีพเรา 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยละทิ้งประชาชน ไม่ว่าประชาชนของพระองค์เป็นใคร อยู่ไกลแค่ไหน ต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไร พระราชวังของพระองค์หาใช่ความสุขสบายส่วนพระองค์ แต่เป็นทุกอณูของแผ่นดินไทย และความปรีดีที่เกิดแก่ประชาชน น่าจะเป็นความสุขอย่างหนึ่งของพระองค์ เราเติบโตท่ามกลางเรื่องเล่าของพระองค์ หากแต่จะมีอะไรดีกว่าการออกไปเพื่อสัมผัส แสงแดด และกลิ่นป่า แบบที่พระองค์ทรงทำ “เดินทางพ่อ” เดินตามรอยทางที่ท่านเดิน ฟังในเรื่องราวที่ไม่เคยได้ยิน ดื่มกินแบบที่ท่านสอน นิยามของความสุขและความร่ำรวยที่ตามหาอาจเปลี่ยนไปเมื่อคุณเดินทางครั้งใหม่ ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป “ท่านอยู่กับเราเสมอ”

งานเขียนและภาพถ่าย ได้รับการแผยแพร่ในนิตยสาร Mercedes-Benz Magazine เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการเดินตามเส้นทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการลที่ 9 เคยเสด็จในโครงการเดินทางพ่อ